เด็กเล่นแชทไลน์อินเตอร์เน็ต หมายถึง การที่คน หายเข้าไปสนทนาได้ทั้งกับคน แปลกหน้าซึ่งไม่รู้จักกันมาก่อนหรือบุคคลที่รู้จักกันมาก่อนโดยเป็นการสนทนาผ่านระบบ เครือข่ายอินเตอร์เน็ตซึ่ง เป็นระบบเครือข่าย ที่อำนวยความสะดวกในการสื่อสารสนทนา ระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วยกันในลักษณะการส่งข้อความโต้ตอบกันทำให้สามารถพูด คุยกับอีกฝ่ายหนึ่งได้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องเห็นหน้ากันและกันโดยลักษณะในการสนทนาโต้ ตอบกันนั้นจะใช้ภาพจินตนาการเป็นองค์ประกอบหลักแทบทั้งสิ้นดังนั้งเมื่อผ่านการพูดคุย มาสักระยะหนึ่งคนหายก็จะถูกชักจูงหรือล่อลวงให้ออกจากบ้านเพื่อมาพบกับคู่สนทนาอีกฝ่ายหนึ่งซึ่งตรงจุดนี้ทำให้เกิดช่องว่างในการที่อาชญากรจะเข้ามาเล่นแชทไลน์ทางอินเตอร์เน็ตเพื่อล่อลวงเด็กหญิงซึ่งยังขาดวุฒิภาวะในการกลั่นกรองและ ตัดสินใจ
กลุ่มคนที่ติดแชทไลน์ทางอินเตอร์เน็ตจะมีพฤติกรรมเด่นชัดที่แสดงออกมาให้เห็นคือการที่คนหายจะมีพฤติกรรมการเล่นอินเตอร์เน็ตนานผิดปกติส่วนใหญ่จะเป็นในช่วงเวลากลางคืนนอกจากนี้ยังพบว่ากลุ่มคนที่นิยมเล่นแชทไลน์ทางอินเตอร์เน็ตส่วนใหญ่จะเป็นเด็กผู้หญิงอายุเฉลี่ยปีประมาณ 15
คนหายที่หายออกจากบ้านไปเพราะการติดแชตไลน์ทางอินเตอร์เน็ตนั้นย่อมต้องมีคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งซึ่งเป็นผู้ชวนคนหายไปอย่างแน่นอนดังนั้นการสืบสวนในการติดตามตัวคนหายนั้นสามารถหาเบาะแสจากบุคคลที่ติดต่อกับคนหายทางการแชทไลน์ได้อีกทางหนึ่งด้วย
1. การแสวงหาข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับคนหาย
เมื่อคนหายจากสาเหตุการติดแชตไลน์ทางอินเตอร์เน็ตได้หายออกไปบ้านเบื้องต้นครอบครัวหรือญาติคนหายควรตรวจสอบทรัพย์สินรูปพรรณและเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่ผู้หายสวมใส่ก่อนที่จะหายไปเป็นอันดับแรกเพื่อนำข้อมูลดัง กล่าวมาเป็นจุดสังเกตคนหายและเป็นข้อมูลพื้นฐานในการติดตามคนหายการตรวจสอบ ข้อมูลดังกล่าวควรเริ่มจากบุคคลซึ่งเป็นผู้พบเห็นคนหายครั้งสุดท้ายเพื่อให้ทราบข้อมูล ในส่วนรูปพรรณและเสื้อผ้าที่ผู้หายสวมใส่เป็นครั้งสุดท้าย
- การหาเบาะแสจากห้องนอนของคนหาย
การหาข้อมูลในห้องนอนของคนหาย คือ แนวทางค้นหา เบาะแสอีกทางหนึ่งในการติดตามหาคนหายเมื่อเข้าไปยังห้องนอนของคนหายแล้วสิ่งที่ ควรสอบเช่น
ตู้เสื้อผ้าของคนหาย คือ การตรวจสอบว่าคนหายมีการเก็บเสื้อผ้าไป ด้วยหรือไม่เนื่องจากพฤติกรรมการเก็บเสื้อผ้าแสดงออกได้ถึงการเตรียมตัวเป็นอย่างดี ของคนหายในการหนีออกจากบ้านซึ่งหากคนหายไม่เก็บเสื้อผ้าไปเลยควรตั้งประเด็น สาเหตุการหายไปในกรณีอื่นๆ ด้วย เช่น การเกิดอุบัติเหตุหรือเกิดเหตุฉุกเฉินกับคนหาย จึงทำให้คนหายไม่กลับบ้านตามปกติ ทั้งนี้ การหายออกจากบ้านบางกรณีคนหายก็ไม่ เก็บเสื้อผ้าหรือทรัพย์สินใดๆ ไปด้วยเลย
การตรวจสอบสมุดหนังสือเรียนของคนหายอาจจะทำให้พบเบาะแส สำคัญในการติดตามคนหายเนื่องจากคนหายอาจจะเคยจดหมายเลขโทรศัพท์ อีเมล์ ที่อยู่ หรือชื่อคนที่รู้จัดกันทาง แชทไลน์ไว้ในเอกสารเหล่านั้นซึ่งจะทำให้ครอบครัวทราบเบาะแส เพิ่มเติมในการติดตามคนหาย
การตรวจสอบจุดที่คนหายเก็บเงินหรือทรัพย์สินไว้เพื่อตรวจดูว่าคนหายได้มีการเก็บทรัพย์สินไปหรือไม่การที่คนหายเก็บทรัพย์สินไปด้วยทั้งหมดหมายถึงมีการเตรียมตัวที่จะหายออกจากบ้านแต่หากว่าทรัพย์ของคนหายยังคงอยู่ที่เดิมไม่มีการ เคลื่อนย้ายหรือไม่นำติดตัวไปด้วยนั่นอาจหมายถึงว่าคนหายไม่มีการเตรียมตัวก่อนหายไป หรือไม่ได้ตั้งใจที่จะไปซึ่งกรณี ดังกล่าว ควรตั้งประเด็นสาเหตุการหายไปในกรณีอื่นๆ ด้วย เช่น การเกิดอุบัติเหตุหรือเกิดเหตุฉุกเฉินกับคนหายจึงทำให้คนหายไม่กลับบ้านตาม ปกติ
การตรวจสอบยังห้องนอนหรือบริเวณที่คนหายใช้พักผ่อนเป็นประจำ คือ สถานที่ซึ่งคนหายอาจจะทิ้งจดหมายที่เขียนลาไว้ให้ครอบครัวซึ่งหลักฐานดังกล่าว อาจจะเป็นเบาะแสในการชี้ว่าคนหายหายออกจากบ้านไปเพราะสาเหตุใดและอาจจะเชื่อม โยงกับแนวทาง การติดตามคนหาย
การสืบค้นเบาะแสจากบุคคลแวดล้อมถือว่าเป็นการหาเบาะแสสำคัญ ในการติดตามคนหายจากการติดแชทไลน์ทางอินเตอร์เน็ตเนื่องจากคนหายไปในลักษณะ ดังกล่าวอาจจะเคยเล่าข้อมูล ให้เพื่อน สนิทฟังว่ากำลังคบหาพูดคุยกับใครในอินเตอร์เน็ต หรืออาจจะเคยเล่าให้ฟังว่ามีใครในอินเตอร์เน็ตนัดไปเจอ
สมาชิกในบ้าน คือ บุคคลที่มีความสนิทสนมและใกล้ชิดกับคนหาย มากที่สุดโดย เฉพาะในครอบครัวใหญ่ซึ่งมีสมาชิกหลายคนคนหายอาจจะให้ความสนิท สนมกับคนในครอบครัวบางคนที่เขาไว้ใจมากที่สุดและอาจจะเล่าหรือระบายเรื่องราวต่าง ๆ ให้ฟังซึ่งข้อมูลตรงจุดนี้อาจจะนำมาประมวลเป็นเบาะแสได้ เช่น คนหายอาจจะเคยเล่าถึง เพื่อนสนิทหรือเพื่อนทีเพิ่งรู้จักกันในการเล่นแชทไลน์ทางอินเตอร์เน็ตซึ่งเมื่อนำข้อมูลต่างๆ มาประมวลกันแล้วอาจจะทำให้ ทราบว่าคนหายอาจจะไปพักอาศัยอยู่กับใคร
เพื่อนคนหายถือว่าเป็นตัวแปรสำคัญในการให้ข้อมูลเกี่ยวกับคน หายเนื่องจากคนที่หายไปเนื่องจากติดเล่นแชทไลน์ทางอินเตอร์เน็ตนั้นอาจจะเคยเล่าเรื่อง การเล่นแชตไลน์ทาง อินเตอร์เน็ตให้เพื่อนๆ ที่สนิทฟัง หรือไม่บางครั้งเพื่อนสนิทของคน หายก็อาจจะเป็นกลุ่มทีเล่นแชทไลน์ทางอินเตอร์เน็ตด้วยกันซึ่งจะทำให้ครอบครัวคนหาย ทราบข้อมูลเกี่ยวกับคนที่ล่อลวงคนหาย ไปว่าเป็นใคร
เพื่อนสนิทของคนหาย คือ บุคคลที่อาจจะให้ที่พักพิงกับคนหายหรือ ให้คนหายยืมเงินดังนั้นเพื่อนสนิทถือว่าเป็นกุญแจสำคัญที่จะหาความจริงว่าคนหายไปอยู่ที่ ไหนการสอบถามเพื่อนสนิทของคนหายนั้นทางครอบครัวไม่ควรไปสอบถามเองโดยตรง แต่ควรให้อาจารย์ประจำชั้นหรือผู้ปกครองเป็นผู้เรียกเด็กมาสอบถามเป็นรายคนจะได้รับ คำตอบที่ตรงกับความเป็นจริงมากกว่าทั้งนี้เพราะเพื่อนของเด็กอาจจะยำเกรงผู้ปกครอง ของตนเองและอาจารย์ประจำชั้นมากกว่าเรา
2. การแจ้งความคนหายที่สถานีตำรวจ
การเตรียมเอกสารก่อนไปแจ้งความคนหายที่สถานีตำรวจนั้นนับว่า เป็นสิ่งที่จำเป็นที่ทางครอบครัวคนหายควรเตรียมข้อมูลและเอกสารต่างๆให้พร้อมก่อนการ ไปแจ้งความหรือประสานงานขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้องโดยเอกสาร ที่ครอบครัวคนหายต้องนำไปสำหรับการแจ้งความคนหายที่สถานีตำรวจประกอบด้วย
เอกสารของผู้แจ้ง | เอกสารของผู้หาย |
---|---|
บัตรประจำตัวประชาชน (หรือ) | สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน |
บัตรประจำตัวข้าราชการ (หรือ) | สำเนาทะเบียนบ้าน |
หนังสือเดินทาง (กรณีคนต่างชาติ) | ภาพถ่ายคนหาย (ภาพที่ใหม่ล่าสุด) |
สำเนาทะเบียนบ้าน | สำเนาสูติบัตร (กรณีเด็ก) |
การเตรียมเอกสารให้พร้อมก่อนการเดินทางไปแจ้งความที่สถานีตำรวจจะทำให้ ครอบครัวคนหายไม่ต้องเสียเวลาในการเดินทางไปเอาเอกสารที่ขาดตกบกพร่องหรือที่ ไม่ได้เตรียมมาเพื่อทำให้การแจ้งความสำหรับการติดตามคนหายมีความรวดเร็วยิ่งขึ้น
การเตรียมข้อมูลก่อนการไปแจ้งความคนหายที่สถานีตำรวจนับ ว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทราบข้อมูลทั้งหมดเกี่ยว กับคนหายเพื่อเป็นเบาะแสในการติดตามคนหายโดยข้อมูลที่ครอบครัวคน หายจำเป็นต้องทราบคือเหตุการณ์ก่อนที่คนหายจะหายไปข้อมูลจากบุคคล ที่พบเห็นผู้หายเป็นครั้งสุดท้าย เพื่อให้ทราบเบาะแสล่าสุดว่าคนหายเดินทาง ไปในทิศทางใดโดยข้อมูลสำคัญที่ครอบครัวคนหายควรทราบมากที่สุดใน การหายประเภทติดแชทไลน์ทางอินเตอร์เน็ตนี้ คือ ลักษณะการหายไปของ คนหายและเบาะแสต่างๆเท่าที่จะสามารถหามาได้ในเบื้องต้น เช่น หมายเลขโทรศัพท์ของผู้ต้องสงสัยว่าจะพาคนหายไปอยู่ด้วยหรือพฤติกรรม การติดแชทไลน์ทางอินเตอร์เน็ตของคนหายเพื่อยืนยันให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เห็นว่าเป็นกรณีคนหายที่เกิดจากการถูกล่อลวงโดยคนแปลกหน้าซึ่งมีความ เสี่ยงต่อความปลอดภัยและสวัสดิภาพของคนหายเป็นอย่างยิ่ง ทั้งนี้ หากมีข้อ สงสัยว่าคนหายอาจจะไปพักอาศัยอยู่สถานที่แห่งใดควรแจ้งรายละเอียดข้อ สงสัยดังกล่าวแก่เจ้าหน้าที่ด้วย เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบ
การแจ้งความคนหายที่สถานีตำรวจ คือขั้นตอนแรกที่ครอบครัวของ คนหายควรไปดำเนินการหลังจากเตรียมข้อมูลและเอกสารต่างๆ เรียบร้อยแล้วเนื่องจากคน หายในลักษณะนี้ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กซึ่งไม่มีวัยวุฒิและวุฒิภาวะในการดำรงชีวิตอีกทั้งยัง มีความเสี่ยงที่เด็กจะถูกชักจูงหรือล่อลวงไปเพื่อแสวงหาผลประโยชน์อีกด้วยดังนั้นการ แจ้งความที่สถานตำรวจครอบครัวคนหายต้องแสดงให้เจ้าหน้าที่เห็นถึงความเสี่ยงต่อ สวัสดิภาพและความปลอดภัยที่เด็กจะได้รับเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจให้ความสำคัญในการ ติดตามคนหาย
การแจ้งความคนหายนั้น เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบปากคำและลง บันทึกประจำวันเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้นครอบครัวคนหายควรขอทราบชื่อ ยศ และ หมายเลข โทรศัพท์มือถือของเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งเป็นเจ้าของเรื่องเพื่อการประสานงานในการติด ตามคนหายทั้งนี้ครอบครัวคนหายควรสอบถามรายละเอียดและขั้นตอนการสืบสวนของเจ้า หน้าที่ตำรวจด้วยเพราะร้อยเวรเจ้าของคดีจะโอนเรื่องการสืบสวนให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายสืบสวนดังนั้น ครอบครัวคนหายควรสอบถามร้อยเวรเจ้าของคดีด้วยว่าโอนเรื่องดัง กล่าวไปยังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนท่านใดเพราะครอบครัวคนหายจะได้ติดต่อประสานงาน ต่อไปในภายหลังแต่ในการปฏิบัติงานที่ผ่านมาพบว่าในบางสถานีตำรวจการทำงานของ พนักงานสอบสวนและเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนไม่ค่อยประสานงานกันเท่าที่ควรทำให้กระบวน การในการสืบสวนจึงล่าช้าวิธีการแก้ไขปัญหาดังกล่าวครอบครัวคนหายควรไปประสาน งานกับนายตำรวจในตำแหน่งรองผู้กำกับการหรือสารวัตรเพื่อให้นายตำรวจระดับบังคับ บัญชาทราบเรื่องและสั่งการไปยังพนักงานสอบสวนและฝ่ายสายสืบในการติดตามความ คืบหน้าในเรื่องดังกล่าว
3. การตรวจสอบข้อมูลการใช้โทรศัพท์ของคนหาย
การสืบสวนติดตามหาคนหายในกรณีการติดเล่นแชทไลน์ทางอิน- เตอร์เน็ทนั้นควรเริ่มจากการตรวจสอบข้อมูลการใช้โทรศัพท์ของคนหายเนื่องจากจะมี ข้อมูลที่เชื่อมโยงกับบุคคลที่ติดต่อพูดคุยกับคนหายทางโทรศัพท์เนื่องจากคนหายอาจจะ เคยแลกเปลี่ยนหมายเลขโทรศัพท์กับผู้ที่พาคนหายไปซึ่งการตรวจสอบข้อมูลทางโทรศัพท์ มีทั้งประเภทที่ครอบครัวคนหายสามารถขอตรวจสอบกับผู้ให้บริการได้เองกับประเภทที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องดำเนินการตรวจสอบให้
การตรวจสอบข้อมูลการใช้โทรศัพท์บ้านของคนหาย คือ การขอ ตรวจสอบข้อมูลการใช้โทรศัพท์ย้อนหลังของหมายเลขโทรศัพท์บ้านเนื่องจากคนหายอาจ จะใช้โทรศัพท์บ้านในการติดต่อพูดคุยกับบุคคลที่เล่นแชทไลน์ด้วยกัน ดังนั้น การตรวจ สอบข้อมูลการใช้โทรศัพท์บ้านของคนหายจะทำให้ทราบว่าคนหายใช้โทรศัพท์ติดต่อ กับหมายเลขใดบ้างโดยการตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวครอบครัวคนหายสามารถดำเนินการ ได้เองเนื่องจากเป็นสิทธิ์ ของผู้รับบริการ ซึ่งผู้ที่จะสามารถขอตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวได้ คือ เจ้าของหมายเลขที่ยื่นขอหมายเลขโทรศัพท์ดังกล่าวโดยให้บุคคลที่มีชื่อเป็นเจ้าของ หมายเลขดังกล่าวนำใบเสร็จรับเงินเก่าๆ ของหมายเลขนั้นๆเพื่อเป็นหลักฐานว่าเป็นเจ้าของ หมายเลข และนำบัตรประจำตัวประชาชนไปขอตรวจสอบข้อมูลได้ที่ศูนย์บริการของเครือ ข่าย ที่ให้บริการ (ทรูหรือทีโอที)
โทรศัพท์พีซีที คือ โทรศัพท์ชนิดหนึ่งซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นเนื่อง จากมีค่าบริการที่ไม่แพงนักซึ่งถ้าหากคนหายมีประวัติการใช้โทรศัพท์พีซีทีหรือมี โทรศัพท์พีซีทีติดตัวไปด้วยก็จะทำให้ครอบครัวคนหายทราบว่าคนหายมีการติดต่อพูดคุย กับใครบ้างการตรวจสอบข้อมูลการใช้โทรศัพท์พีซีทีของคนหายทางครอบครัวสามารถ ไปขอตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวได้ด้วยตนเองโดยนำสำเนาใบแจ้งความเอกสารหลักฐาน ที่ยืนยันว่าเป็นผู้ปกครองของคนหายบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ปกครองและสูติบัตร ของคนหายโดยครอบครัวคนหายต้องนำหลักฐานดังกล่าวไปยื่นขอตรวจสอบการข้อมูล การใช้โทรศัพท์พีซีทีของคนหายได้ที่ศูนย์บริการของทรูทุกสาขาทางเจ้าหน้าที่จะทำการ ถ่ายสำเนาการใช้มาให้ทั้งหมดในขอบเขตระยะเวลาที่เราต้องการซึ่งส่วนใหญ่ควรขอ ตรวจสอบข้อมูลการใช้ประมาณ 15 วัน นับแต่วันที่คนหายได้หายตัวไป
เมื่อครอบครัวคนหายได้รับรายงานการใช้โทรศัพท์มาจากบริษัท เครือข่ายผู้ให้บริการเรียบร้อยแล้วให้ตรวจข้อมูลการใช้นับแต่ช่วงเวลาที่คนหายได้หาย ไปลงมา เช่น กรณีคนหายได้หายไป วันที่ 16 มกราคมก็ให้ดูข้อมูลการ ใช้โทรศัพท์ ตั้งแต่ วันที่ 16 ไล่ลงไปวันที่ 15...14 ลงไปเรื่อยๆโดยให้ดูที่หมายเลขซึ่งคนหายติดต่อไปล่าสุด เนื่องจากคนหายจะต้องติดต่อกับคนที่ชักจูงหรือล่อลวงไปวันที่หายหรือก่อนหน้าวันที่หาย อย่างแน่นนอนอาจจะเป็นการนัดแนะหรือโทรยืนยันว่าจะออกไปพบกันจริงๆ นอกจากนี้ ให้ครอบครัวตรวจสอบดูว่าหมายเลขไหนที่คนหายโทรติดต่อบ่อยครั้งและใช้ระยะเวลา ในการสนทนานานที่สุดลองไล่หมายเลขลงไปเรื่อยๆเพื่อดูความถี่และระยะเวลาในการติด ต่อข้อสังเกตประการหนึ่ง คือ กลุ่มคนที่เล่นแชทไลน์ทางอินเตอร์นั้นอาจจะโทรคุยกับคน ที่เล่นแชตไลน์หลายคนดังนั้นอาจจะมีหลายหมายที่ต้องสงสัยจดบันทึกหมายเลขเหล่านั้น ไว้ทั้งหมดหลังจากนั้นนำข้อมูลทั้งหมดไปปรึกษากับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อการสืบสวนติด ตามคนหายต่อไป
4. การตรวจสอบข้อมูลการใช้อินเตอร์ของคนหาย
เนื่องจากคนหายในประเภทนี้มีพฤติกรรมการแชททางอินเตอร์เน็ท เบาะแสในการติดตามคนหายจึงสามารถสืบค้นได้จากอินเตอร์ด้วยโดยครอบครัวคนหาย ต้องหาข้อมูลเกี่ยวกับอีเมล์ของคนหายว่าคนหายใช้อีเมล์ใดในการแชทพูดคุยกับเพื่อน ทางอินเตอร์เน็ททั้งนี้ในกรณีที่ทราบรหัสผ่านของอีเมล์คนหายให้ทางครอบครัวเปิดอีเมล์ ของคนหายเพื่อดูว่าคนหายใช้อีเมล์สื่อสารกับใครบ้างทางจดหมายอีเมล์หากสงสัยว่า บุคคลใดเป็นผู้พาคนหายไปให้นำอีเมล์ของบุคคลนั้นไปค้นหาข้อมูลในเวปไซค์ www.google.comเพื่อดูว่าบุคคลที่ต้องสงสัยว่าพาเด็กไปนั้น มีข้อมูลใดๆในอินเตอร์เน็ทบ้าง เพราะส่วนใหญ่แล้วคนที่มักจะหาเพื่อนแปลกหน้ามาคุยด้วยนั้น จะไปโพสอีเมล์ของตัวเอง ไว้ตามเวปบอร์ทต่างๆเพื่อให้บุคคลอื่นแอดอีเมล์เพื่อแชทคุยกันซึ่งในบางเวปไซค์ผู้ที่พาคน หายไปอาจจะต้องลงทะเบียนข้อมูลส่วนตัวเพื่อสมัครเป็นสมาชิกเวปบอร์ทนั้นๆดังนั้นเมื่อนำ ข้อมูลอีเมล์ของผู้ที่ต้องสงสัยว่าพาคนหายไปค้นหาใน www.google.com แล้วนั้นหาก ปรากฏข้อมูลว่าอีเมล์นั้นเป็นสมาชิกของเวปบอร์ดใดให้ดูหมายเลขโทรศัทพ์ติดต่อเวปมาส เตอร์หรือผู้ดูแลในเวปไซค์นั้นเพื่อติดต่อขอข้อมูลสมาชิกคนนั้นมา ซึ่งส่วนใหญ่แล้วข้อมูล จะมีชื่อจริง นาสกุลจริง และเลขที่บัตรประจำตัวประชาชน ทั้งนี้ข้อมูลที่ได้อาจจะไม่ใช่ ความจริงทั้งหมด เพราะบุคคลนั้นๆ อาจจะนำข้อมูลของบุคคลอื่นมาสมัครสมาชิก
นอกจากนี้ เมื่อได้อีเมล์ของคนหายแล้วให้ครอบครัวคนหายนำ อีเมล์ของคนหายไปค้นหาข้อมูลในเวปไซค์ www.google.com เพื่อดูข้อมูลว่าคนหายเคยนำ อีเมล์ของตนเองไปโพสตามเวปบอร์ทใดบ้างเนื่องจากปกติเด็กที่เล่นแชทไลน์อินเตอร์เน็ท จะมักหาเพื่อนแปลกหน้าจากการนำอีเมล์ของตนเองไปโพสตามที่ต่างๆซึ่งตรงจุดนี้เอง อาจจะทำให้ทราบว่าเด็กคนนั้นติดต่อกับใครอยู่
อีกวิธีการหนึ่งที่สำคัญ คือ ให้สมาชิกในครอบครัวที่เล่นแชททางอิน- เตอร์เน็ทได้แอดอีเมล์ของคนหายและผู้ที่ต้องสงสัยว่าพาคนหายไปเพื่อปลอมตัวเข้าไป สนทนากับบุคคลทั้งคู่ในกรณีที่บุคคลดังกล่าวอาจจะออนไลน์ในโปรแกรมแชทแต่ทั้งนี้ อีเมล์ของผู้ที่ปลอมตัวเข้าไปคุยนั้นคนหายต้องไม่รู้จักโดยการพูดคุยกันนั้นให้คุยเรื่องทั่ว ไปก่อนเพื่อให้บุคคลนั้นไว้ใจและจึงถามข้อมูลส่วนตัวว่าคนหายหรือคนที่ต้องสงสัยว่าพา คนหายไปกำลังเล่นอยู่บริเวณไหน มีเบอร์ติดต่อหรือไม่
5.การตรวจสอบไปยังสถานที่ซึ่งคาดว่าคนหายอาจจะไป
บ้านเพื่อน คือ สถานที่หนึ่งซึ่งคนหายอาจจะไปขออาศัยอยู่ด้วยโดย ปกติแล้วจะอยู่ไม่นานนักและจะสับเปลี่ยนไปนอนบ้านเพื่อนคนอื่นๆ วิธีการตรวจสอบควร ไปที่โรงเรียนของคนหายเพื่อสอบถามที่อยู่ของเพื่อนจากอาจารย์ประจำชั้นจากนั้นอาจจะ ไปสังเกตที่บ้านเพื่อนด้วยตนเองเนื่องจากเพื่อนของคนหายอาจจะช่วยกันปกปิดข้อมูลการ ไปตรวจสอบตามบ้านเพื่อนของคนหายที่ต้องสงสัยว่าคนหายจะไปอยู่ด้วยนั้นหากเป็น กรณีเพื่อนที่ครอบครัวไม่รู้จัก หรือว่าบ้านของเพื่อนอยู่ในชุมชนแออัดหรือการไปตรวจ สอบดังกล่าวอาจจะเกิดอันตรายครอบครัวคนหายควรไปขอความช่วยเหลือยังสถานี ตำรวจในเขตท้องที่นั้นๆ ตั้งอยู่ เพื่อขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจเดินทางมาร่วมในการ สอบถามข้อมูลด้วย
6.หน่วยงานที่ขอความช่วยเหลือในกรณีเร่งด่วน
- กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดต่อเด็ก เยาวชน และสตรี หมายเลขโทรศัพท์ 0-2513-32180 , 0-2511-4874
- ศูนย์สวัสดิภาพเด็ก เยาวชน และสตรี กองบัญชาการตำรวจนครบาล หมายเลขโทรศัพท์ 0-2282-3892-3
7.หน่วยงานที่ครอบครัวคนหายควรไปติดต่อเพื่อติดตามคนหาย
โรงพยาบาล คือสถานที่ซึ่งคนหายอาจจะได้รับการส่งตัวไปรักษา พยาบาลเนื่องจากประสบอุบัติเหตุหรือถูกคนร้ายทำร้ายหรือไม่ใช่กรณีติดแชทไลน์เลย ตั้งแต่แรกแต่คนหายอาจจะประสบอุบัติเหตุในระหว่างช่วงเวลานั้นพอดีและไม่มีใครทราบ เรื่องดังกล่าว ดังนั้นครอบครัวคนหายจึงควรเรียงลำดับรายชื่อโรงพยาบาลใกล้บ้านทั้ง หมด ทั้งของรัฐและเอกชนตลอดจนโรงพยาบาลในเขตใกล้เคียงทุกแห่ง
เมื่อครอบครัวคนหายเรียงลำดับรายชื่อโรงพยาบาลใกล้เคียงครบทุก แห่งแล้วให้โทรศัพท์ไปสอบถามหมายเลขโทรศัพท์ของโรงพยาบาลเหล่านั้นที่หมายเลข 1113หรือ 1133 หรือ 1188 เมื่อได้ข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์ของโรงพยาบาลต่างๆ ครบ เรียบร้อยแล้วให้ครอบครัวคนหายโทรไปสอบถามยังฝ่ายประชาสัมพันธ์ของโรงพยา-บาลนั้นๆว่ามีบุคคลที่มีลักษณะเดียวกันกับคนหายเป็นผู้ป่วยเข้ารับการรักษาตัวอยู่ใน โรงพยาบาลนั้นๆหรือไม่ในกรณีที่ไม่มีประวัติผู้ป่วยที่ใกล้เคียงกับคนหายให้ฝากลักษณะ รูปพรรณของคนหายและเบอร์โทรศัพท์ติดต่อกลับของครอบครัวคนหายไว้เผื่อว่าคนหาย อาจจะถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งนั้นในภายหลังเจ้าหน้าที่ของ โรงพยาบาลจะได้ติดต่อกลับมายังครอบครัวได้
แผนกนิติเวชตามโรงพยาบาลต่างๆ ถือว่าเป็นอีกสถานที่หนึ่ง ที่ครอบครัวคนหายควรไปตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับผู้เสียชีวิตเนื่องจากมีผู้เสียชีวิตหลาย รายที่ได้รับการนำร่างมายังแผนกนิติเวชตามโรงพยาบาลต่างๆ เนื่องจากเป็นผู้ที่ไม่มี เอกสารหรือหลักฐานใดแสดงตัวการประสานงานไปยังแผนกนิติเวชตามโรงพยาบาล ต่างๆ นั้นควรให้บุคคลในครอบครัวที่มีสภาวะจิตใจที่เข้มแข็งในการโทรไปสอบถามข้อมูล และควรเป็นบุคคลที่สามารถบอกรูปพรรณและตำหนิของคนหายได้อย่างชัดเจน
แผนกนิติเวชของโรงพยาบาลต่อไปนี้ที่ครอบครัวคนหายควรโทรศัพท์ไปสอบถาม ข้อมูล