การลักพาตัว หมายถึง การกระทำที่มีลักษณะของการล่อลวงข่มขืนจิตใจให้ผู้ หายกระทำการใดหรือไม่กระทำการใดหรือทำให้จำยอมต่อสิ่งใดเพื่อการกักขังหรือหน่วง เหนี่ยวหรือกระทำด้วยประการใดอันทำให้ผู้หายนั้นปราศจากเสรีภาพในร่างกายซึ่งเป็น ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา309,310,310ทวิ,313,317

            การวิเคราะห์ประเภทการหายในลักษณะนี้ ครอบครัวคนหายควรสังเกตลักษณะ พฤติกรรมของผู้หายด้วยเพราะผู้ที่หายไปจะไม่สมัครใจที่จะไปกับคนที่ลักพาตัวไปยกเว้น ในกรณีที่เป็นเด็กเล็กอาจจะมีความสมัครใจของผู้หายร่วมอยู่ด้วยเนื่องจากเด็กจะถูกล่อ- ลวงหรือหว่านล้อมชักจูงได้ง่าย

1. การแสวงหาข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับคนหาย

  • การตรวจสอบทรัพย์สิน/รูปพรรณ/เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของคนหาย

                เมื่อคนหายจากสาเหตุลักพาตัว ได้หายออกไปจากสถานที่ต่างๆ เบื้อง- ต้นครอบครัวหรือญาติคนหายควรตรวจสอบทรัพย์สิน รูปพรรณ และเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ที่ผู้หายสวมใส่ก่อนที่จะหายไปเป็นอันดับแรก เพื่อนำข้อมูลดังกล่าวมาเป็นจุดสังเกตคนหาย และวิเคราะห์เส้นทางในการติดตามคนหายต่อไป

                การตรวจสอบข้อมูลดังกล่าว คือ การหาข้อมูลจากบุคคลซึ่งพบเห็นผู้ หายเป็นครั้งสุดท้าย เนื่องจากภายในบ้านบุคคลดังกล่าวจะเป็นผู้สามารถให้ข้อมูลล่าสุด และใกล้เคียงกับเวลาที่หายไปได้โดยเริ่มจากบุคคลซึ่งเป็นผู้พบเห็นคนหายครั้งสุดท้ายเพื่อ ให้ทราบข้อมูลในส่วนรูปพรรณหรือเสื้อผ้าที่ผู้หายสวมใส่เป็นครั้งสุดท้ายหลังจากนั้นจึงไป สอบถามข้อมูลจากเพื่อนบ้าน ร้านค้า วินจักรยานยนต์รับจ้างหรือผู้ที่อาศัยอยู่ตามบริเวณ ต่าง ๆ ซึ่งเป็นทางผ่านหรือเป็นบริเวณใกล้เคียงกับสถานที่หาย เพื่อหาเบาะแสว่าคนหายถูก นำพาไปตามเส้นทางใด ทั้งนี้อาจจะได้ข้อมูลเพิ่มเติมของผู้ที่นำพาไปด้วย การหาข้อมูลดังกล่าวควรนำรูปถ่ายและควรมีข้อมูลทางรูปพรรณคน หาย เช่น เสื้อผ้าที่คนหายสวมใส่หรือจุดสังเกตที่เด่นชัดของคนหายซึ่งคนที่สัญจรผ่านไป มาอาจพบเห็นและแจ้งเบาะแสดังกล่าวได้

                 อนึ่งการสอบถามข้อมูลดังกล่าวจากบริเวณที่คนหายถูกลักพาตัวไปจะ ได้ข้อมูลเพิ่มเติมของคนร้ายหรือผู้ต้องสงสัยที่ลักพาตัวคนหายไปด้วย

                ดังนั้นเวลาครอบครัวคนหายไปสอบถามข้อมูลและเบาะแสจากคนใน บริเวณใกล้เคียงให้สอบถามข้อมูลและลักษณะของบุคคลที่นำพาหรือลักพาตัวคนหายไป ด้วยเพื่อเป็นข้อมูลในทางสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

  • การตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุและหาเบาะแสผู้เห็นเหตุการณ์

                การตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุและการหาเบาะแสจากผู้เห็นเหตุการณ์ในเบื้องต้น จะทำให้ครอบครัวคนหายทราบข้อมูลเกี่ยวกับการหายตัวไปของคนในครอบครัวโดยการ ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุเบื้องต้น คือ การที่ครอบครัวคนหายกลับไปยังสถานที่ซึ่งมีข้อมูล ยืนยันว่าพบเห็นคนหายเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อดูลักษณะโดยรอบบริเวณดังกล่าวและหาเบาะ แสเพิ่มเติมจากประชาชนในบริเวณนั้น

                เนื่องจากพบว่าคนร้ายมักทิ้งหลักฐานหรือเบาะแสต่างๆ เช่น คนร้ายอาจจะเคย เดินมาแถวบริเวณนั้นบ่อยครั้งเพื่อเตรียมการลักพาตัว ดังนั้น ชาวบ้านในบริเวณนั้นอาจจะ ทราบข้อมูลหรือจำรูปพรรณของผู้ต้องสงสัยได้ซึ่งการได้เบาะแสในลักษณะ ดังกล่าว จากบริเวณที่เกิดเหตุนั้นจะทำให้เกิดประโยชน์ต่อการติดตามคนหายและคนร้ายการลักพา ตัวบางกรณีอาจจะใช้อุบายในการล่อลวงคนหายก่อนในเบื้องต้น

                ดังนั้นจะเห็นพฤติกรรมของคนหายก่อนที่จะหายไปในลักษณะมีความยินยอม พร้อมใจ เช่น ในกรณีที่คนหายเป็นเด็กอาจจะถูกคนร้ายล่อลวงว่าจะพาไปซื้อขนมเด็กจึง ยินยอมไปด้วยโดยดีซึ่งเวลาเด็กเดินทางไปไหนมาไหนกับคนร้ายคนทั่วไปในสังคมจะคิด ว่าเป็นคนในครอบครัวหรือญาติของเด็กจึงไม่มีสิ่งผิดสังเกตอะไร ดังนั้น การหาเบาะแสใน การติดตามเด็กที่ถูกลักพาตัวควรไปสืบหาเบาะแสจากบริเวณร้านค้า หรือร้านอาหาร ซึ่งคนร้ายอาจจะพาเด็กมาซื้อขนมหรือของเล่นเพื่อหลอกล่อให้เด็กตายใจ

                การตรวจสอบข้อมูลดังกล่าว ควรให้ผู้ที่รู้จักรูปพรรณและคุ้นเคยกับอุปนิสัยใจ คอของผู้หายเป็นคนนำทีมไปหาเบาะแสดังกล่าว เนื่องจากการให้บุคคลที่ไม่ทราบรายละ- เอียดของคนหายไปหาเบาะแสทำให้ไม่ทราบข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับคนหายทั้งรูปพรรณ ตำหนิ หรือจุดสังเกตอื่นๆ ของผู้หาย

                 เมื่อข้อมูลเกี่ยวกับคนหายไม่ครบถ้วน ทำให้เบาะแสบางอย่างคลาดเคลื่อนได้ ทั้งนี้ผู้ที่ลงไปหาเบาะแสดังกล่าวต้องมีรูปถ่ายและต้องทราบลักษณะรูปพรรณการแต่งกาย ของคนหายในขณะที่หายไปด้วย

    2. การแจ้งความคนหายที่สถานีตำรวจ

  • การเตรียมเอกสารก่อนไปแจ้งความคนหายที่สถานีตำรวจ

                การเตรียมเอกสารก่อนไปแจ้งความคนหายที่สถานีตำรวจนั้นนับว่าเป็นสิ่งที่จำ เป็นที่ทางครอบครัวคนหายควรเตรียมข้อมูลและเอกสารต่าง ๆ ให้พร้อมก่อนการไปแจ้ง ความหรือประสานงานขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยเอกสารที่ ครอบครัวคนหายต้องนำไปสำหรับการแจ้งความคนหายที่สถานีตำรวจประกอบด้วยการ เตรียมเอกสารให้พร้อมก่อนการเดินทางไปแจ้งความที่สถานีตำรวจจะทำให้ครอบครัว คน หายไม่ต้องเสียเวลาในการเดินทางไปเอาเอกสารที่ขาดตกบกพร่องหรือที่ไม่ได้เตรียมมา เพื่อทำให้การแจ้งความสำหรับการติดตามคนหายมีความรวดเร็วยิ่งขึ้น

  • การเตรียมข้อมูลก่อนการไปแจ้งความคนหายที่สถานีตำรวจ

                 การเตรียมข้อมูลก่อนการไปแจ้งความคนหายที่สถานีตำรวจนับว่ามีความจำ เป็นอย่างยิ่งเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทราบข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับคนหายเพื่อเป็นเบาะแส ในการติดตามคนหาย โดยข้อมูลที่ครอบครัวคนหายจำเป็นต้องทราบ คือ เหตุการณ์ก่อนที่คนหายจะ หายไปข้อมูลจากบุคคลที่พบเห็นผู้หายเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อให้ทราบเบาะแสล่าสุดว่าคนหาย เดินทางไปในทิศทางใดโดยข้อมูลสำคัญที่ครอบครัวคนหายควรทราบมากที่สุดในการ หายประเภทลักพาตัวนี้คือรูปพรรณ เสื้อผ้า ที่คนหายสวมใส่ขณะที่หายไปเพื่อให้ทราบจุด สังเกตของคนหายจากการมองของบุคคลภายนอก นอกจากนี้ข้อมูลของผู้ต้องสงสัยที่คาด ว่าจะลักพาตัวผู้หายไปก็มีความสำคัญมาก เนื่องจากจะเป็นเบาะแสสำคัญในการหาตัวคน ร้ายว่าใครมีพฤติกรรมน่าสงสัยที่ลักพาตัวคนหายไปเพื่อให้เกิดแนวทางในการสืบสวน ของเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกทางหนึ่ง

  • การแจ้งความคนหายที่สถานีตำรวจ

                 การแจ้งความคนหายที่สถานีตำรวจ คือ ขั้นตอนแรกที่ครอบครัวของคนหาย ควรไปดำเนินการหลังจากเตรียมข้อมูลและเอกสารต่างๆเรียบร้อยแล้ว

                เนื่องจากคนหายในลักษณะนี้เข้าข่ายเป็นเรื่องอาชญากรรมซึ่งเป็นความผิด อาญา ดังนั้น การติดตามคนหายที่ถูกลักพาตัวจึงต้องแจ้งความที่สถานีตำรวจโดยด่วนเพื่อ ให้เกิดกลไกในการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยการแจ้งความกรณีคนหาย ถูกลักพาตัวนั้น

                เมื่อครอบครัวคนหายไปแจ้งความที่สถานีตำรวจจะไม่ใช่การลงบันทึกประจำวัน กรณีคนหายเท่านั้นแต่ครอบครัวคนหายต้องเล่ารายละเอียดและเหตุการณ์ทั้งหมดให้เจ้า หน้าที่ตำรวจเห็นว่าไม่ใช่การหายไปแบบธรรมดาแต่เป็นการลักพาตัวซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต้องให้ความสำคัญในการติดตามตัวคนหาย โดยในกรณีคนหายซึ่งถูกลักพาตัวไปเป็น เด็ก (อายุตั้งแต่แรกเกิดถึง 18 ปี)

                กรณีดังกล่าวจะเป็นความผิดอาญาฐานพรากผู้เยาว์ ดังนั้น ครอบครัวเด็กที่ถูกลัก พาตัวจะต้องนำหลักฐานหรือพยานบุคคลที่สามารถยืนยันได้ว่าเด็กคนดังกล่าวถูกลักพา ตัวไปจริงเพื่อให้เรื่องดังกล่าวเป็นคดีอาญาทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมีอำนาจในการสืบสวน สอบสวนคดีอาญาดังกล่าวอย่างเต็มที่

                การแจ้งความกรณีลักพาตัวนั้น เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบปากคำและลงบันทึก ประจำวันเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น ครอบครัวคนหายควรขอทราบชื่อ ยศ และหมายเลข โทรศัพท์มือถือของเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งเป็นเจ้าของคดีเพื่อการประสานงานในการติดตาม คนหาย ทั้งนี้ครอบครัวคนหายควรสอบถามรายละเอียดและขั้นตอนการสืบสวนของเจ้าหน้า ที่ตำรวจด้วยเพราะร้อยเวรเจ้าของคดีจะโอนเรื่องการสืบสวนให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่าย สืบสวน ดังนั้น ครอบครัวคนหายควรสอบถามร้อยเวรเจ้าของคดีด้วยว่าโอนเรื่องดังกล่าว ไปยังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนท่านใดเพราะครอบครัวคนหายจะได้ติดต่อประสานงานต่อไป ในภายหลังแต่ในการปฏิบัติงานที่ผ่านมา พบว่าในบางสถานีตำรวจการทำงานของพนัก- งานสอบสวนและเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนไม่ค่อยประสานงานกันเท่าที่ควรทำให้กระบวนการ ในการสืบสวนจึงล่าช้าวิธีการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ครอบครัวคนหายควรไปประสานงาน กับนายตำรวจในตำแหน่งรองผู้กำกับการหรือสารวัตรเพื่อให้นายตำรวจระดับบังคับบัญ- ชาทราบเรื่องและสั่งการไปยังพนักงานสอบสวนและฝ่ายสายสืบในการติดตามความคืบ หน้าในเรื่องดังกล่าว

    3.การวิเคราะห์คนร้าย/ผู้ต้องสงสัยในการลักพาตัว

                การติดตามหาคนหายกรณีถูกลักพาตัวนั้นคนในครอบครัวควรประเมินและ วิเคราะห์ว่าผู้ใดน่าจะเป็นคนร้ายหรือผู้ต้องสงสัยในการลักพาตัวคนหายไป

                เนื่องจากการตั้งข้อสันนิษฐานดังกล่าวจะทำให้เราทราบแนวทางในการติด ตามคนหายและทำให้มีส่วนช่วยในการทำงานด้านสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกทาง หนึ่ง

                การวิเคราะห์ผู้ต้องสงสัยนั้นครอบครัวคนหายอาจจะร่วมประเมินกับเจ้าหน้า ที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนในการวิเคราะห์ข้อมูลดังกล่าว เนื่องจากครอบครัวคนหายจะทราบ ข้อมูลหรือเบาะแสมาที่สุดส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนจะมีความชำนาญในการวิ- เคราะห์ข้อมูลและแนวทางในการติดตามคนร้ายผู้ต้องสงสัยในการลักพาตัวคนหายอาจจะ เป็นบุคคลดังต่อไปนี้

  • บุคคลในครอบครัวคนหาย

                 บุคคลในครอบครัวคนหาย คือ ผู้ต้องสงสัยอับดับแรกในการลักพาตัวคน หายไป เนื่องจากเป็นบุคคลที่มีความใกล้ชิดและคนหายให้ไว้วางใจมากที่สุด ดังนั้นการเข้าถึงตัวหรือการล่อลวงและจูงใจคนหายจะทำได้แนบเนียนที่สุด กว่าบุคคลอื่นโดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคคลในครอบครัวที่มีความใกล้หรือสนิทสนมกับผู้หาย เป็นพิเศษซึ่งการลักพาตัวไปในลักษณะดังกล่าว อาจจะเพื่อบำบัดอาการทางจิตที่คนร้าย มีความรักบุคคลที่หายเป็นพิเศษ ส่วนใหญ่กรณีดังกล่าวจะเกิดกับผู้หายที่เป็นเด็กซึ่งการ ลักษณะพาตัวโดยผู้ต้องสงสัยในครอบครัว จะใช้วิธีการล่อลวง เพื่อชักจูงให้คนหาย ไปด้วยโดยอาจจะออกอุบายในการพาไปซื้อขนมหรือพาไปเที่ยวการลักพาตัวเด็กโดยคน ในครอบครัวส่วนใหญ่แล้วจะพาเด็กไปอยู่ด้วยและเลี้ยงดูอย่างดี ซึ่งการกระทำดังกล่าวจะ ทำให้เด็กไม่รู้ตัวว่าญาติของตัวเองกำลังลักพาตัวมาจากครอบครัวแต่จะนึกว่าญาติพามา เที่ยวจึงทำให้เด็กไม่ได้ไปขอความช่วยเหลือจากใคร

                การติดตามคนหายที่ถูกลักพาตัวไปโดยคนในครอบครัวควรสืบถามข้อมูล จากญาติทั้งหมดเนื่องจากคนร้ายมักจะติดต่อกลับไปยังญาติเสมอเพื่อติดตามข่าวหรือขอ เงิน ดังนั้นครอบครัวคนหายควรแจ้งไปยังญาติทุกฝ่ายเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เพื่อให้ญาติ ทราบข้อมูลและเตรียมตัวรับสถานการณ์ที่คนร้ายจะติดต่อกลับมาทั้งนี้ญาติที่ได้รับการติด ต่อจากคนร้ายควรพูดคุยกับคนร้ายเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เนื่องจากจะได้ไม่ทำให้คนร้ายกดดันจนตัดสินใจกระทำสิ่งที่ไม่ดีต่อคนหาย และญาติควรพูดคุยเรื่องทั่วไปเพื่อหลอกถามแหล่งที่อยู่หรือสถานที่ใกล้เคียงที่คนร้ายพา เด็กไป ทั้งนี้หากคนร้ายต้องการให้ครอบครัวส่งเงินไปให้ควรต่อรองให้มีการนัดเจอกัน และครอบครัวคนหายควรประสานงานเจ้าหน้าที่ตำรวจในการวางแผนจับกุมตัวคนร้าย และช่วยเหลือเด็กต่อไปครับ

  • บุคคลที่อยู่กับเด็กเป็นคนสุดท้าย

                บุคคลที่อยู่กับเด็กเป็นคนสุดท้าย ก่อนที่เด็กจะหายตัวไป คือ บุคคลสำคัญที่ สามารถให้เบาะแสและข้อมูลเกี่ยวกับการหายไปตลอดจนอาจจะกลายเป็นผู้ต้องสงสัยใน การลักพาตัวเด็กไปในที่สุดบุคคลที่อยู่กับเด็กเป็นคนสุดท้ายก่อนที่เด็กจะหายไปอาจจะ เป็นบุคคลภายในในครอบครัวหรือบุคคลภายนอกครอบครัวของคนหายก็ได้ซึ่งลักษณะ พฤติกรรมที่ปรากฏ คือ เมื่อคนหายหายตัวไปบุคคลดังกล่าวก็อาจจะหายตัวไป ด้วยโดย ไม่ทราบสาเหตุหรือไม่ได้หายตัวไปแต่มีพฤติกรรมหลบหน้าหลบตาครอบครัวคนหายหรือ มีอาการที่แสดงพิรุธจนเป็นที่สังเกตได้อย่างชัดเจน

                 การสอบถามจากบุคคลที่ต้องสงสัยนั้น ควรให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกตัวบุคคล นั้นมาสอบสวนจะดีที่สุด เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีเทคนิคและวิธีการในการสอบปาก คำเพื่อเอาข้อเท็จจริงจากผู้ต้องสงสัยได้รับอีกทั้งเป็นการป้องกันมิให้คนร้ายไหวคนทัน

  • บุคคลที่ทำทีสนิทสนมกับคนหายเป็นพิเศษ

                บุคคลที่สนิทสนมกับคนหายเป็นพิเศษคืออีกบุคคลหนึ่งที่อาจเป็นผู้ลักพาตัว คนหายไปเนื่องจากบุคคลในลักษณะนี้จะทำทีมาตีสนิทเพื่อให้คนหายและครอบครัวคน หายตายใจจากนั้นคนร้ายก็จะใช้ความสนิทสนมดังกล่าวลักพาตัวคนหายไปบุคคลที่มี ความ สนิทสนมกับคนหายในลักษณะดังกล่าวจะเป็นบุคคลภายนอกครอบครัวพบเห็น พฤติกรรมดังกล่าว บ่อยครั้งในลักษณะของผู้ใหญ่ที่ทำทีท่าว่ารักหรือเอ็นดูเด็กเล็ก ๆ เป็น พิเศษโดยผู้ต้องสงสัยประเภทนี้อาจจะมีความผิดปกติทางจิตที่รักใคร่เด็กเป็นพิเศษหรือ เป็นผู้ที่ต้องการล่วงละเมิดทางเพศเด็ก เป็นต้น

                 ถ้าผู้ต้องสงสัยหายตัวไปพร้อมกับคนหายอาจจะสันนิษฐานได้โดยในทันที ว่าผู้ต้องสงสัยอาจจะมีส่วนรู้เห็นในการกระทำความผิดดังกล่าวแต่บางกรณีผู้ต้องสงสัยยัง คงอยู่ในพื้นที่ เนื่องจากได้นำคนหายไปอยู่ที่อื่นหรือไปฝากไว้กับบุคคลอื่นแล้วซึ่งผู้ต้อง สงสัยอาจจะแสดงพิรุธหรือมีพฤติกรรมหลบหน้าหลบตาครอบครัวคนหายหรือไม่ได้ช่วย ติดตามคนหายทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ผู้ต้องสงสัยสนิทสนมกับคนหาย

  • ผู้ต้องสงสัยคนอื่น /คนร้ายที่ไม่รู้จัก

                ผู้ต้องสงสัยคนอื่น คือคนร้ายที่ครอบครัวคนหายอาจจะไม่เคยรู้จักหรือไม่ เคยพบเห็นมาก่อนหน้านี้เลยคนร้ายลักษณะนี้ คือ คนแปลกหน้าที่อาจจะเพิ่งเคยพบกับคน หายเป็นครั้งแรกแล้วจึงลักพาตัวคนหายไปทันทีหรือเป็นคนที่เคยพบเห็นคนหายมาก่อน หน้านี้และเฝ้าสังเกตพฤติกรรมของคนหายมาระยะเวลาหนึ่งเพื่อตีสนิทกับคนหายโดยที่ ครอบครัวของคนหายก็ไม่ทราบเรื่อง เช่น ครอบครัวที่ปล่อยให้เด็กไปวิ่งเล่นตามลำพังที่ สวนสาธารณะคนร้ายฝนลักษณะนี้

                 เมื่อพบเห็นเด็กจะไม่เข้ามาตีสนิททันทีแต่จะสังเกตพฤติกรรมอยู่ห่าง ๆ จน คนร้ายแน่ใจว่าไม่มีผู้ใหญ่หรือคนในครอบครัวเด็กอยู่ในบริเวณนั้นจากนั้นคนร้ายจึงเข้า มาตีสนิทและชักจูงล่อลวงเด็กไปซึ่งทำให้ครอบครัวคนหายไม่ทราบว่าบุตรหลานของ ตนเองถูกใครลักพาตัวไปเพราะไม่เคยรู้จักหรือไม่เคยพบเห็นคนร้ายมาก่อนดังนั้น การหาข้อมูลหรือเบาะแสดังกล่าวครอบครัวคนหายต้องเริ่มต้นจากสถานที่ ซึ่งคนหายได้หายตัวไปเพราะคนร้ายต้องทิ้งเบาะแสบางอย่างไว้เสมอ

  • สถานที่ซึ่งคนร้ายมักจะพาคนหายไป

                การตรวจสอบสถานที่ต่าง ๆ เพื่อหาข้อมูลหรือเบาะในการติดตามคนหาย คือ สิ่งที่ครอบครัวและเจ้าหน้าที่ตำรวจควรรีบไปดำเนินการ เนื่องจากคนข้อมูลเหล่านั้นอาจ จะเป็นเบาะแสสำคัญที่เชื่อมโยงในการติดตามตัวคนหายซึ่งสถานที่ดังกล่าวอาจจะอยู่ใน บริเวณใกล้เคียงกับสถานที่เกิดเหตุที่คนหายถูกลักพาตัวไปครอบครัวคนหายจึงควรไป ตรวจสอบสถานที่ดังต่อไปนี้

  • ที่พักของผู้ต้องสงสัย

                ที่พักของผู้ต้องสงสัย คือ สถานที่หลักในการไปตรวจสอบดูว่าผู้ต้องสงสัยเคย พาคนหายมาที่นี่หรือไม่และเป็นการตรวจสอบด้วยว่าผู้ต้องสงสัยคนดังกล่าวได้หายออก จากบ้านพักไปด้วยหรือไม่เพราะถ้าผู้ต้องสงสัยหายไปจากบ้านพักโดยไม่ทราบสาเหตุ อาจสันนิษฐานในเบื้องต้นได้ว่าผู้ต้องสงสัยคือคนร้ายที่อาจจะลักพาตัวคนหายไปจริงทั้งนี้ การไปตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวครอบครัวคนหายควรไปพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

  • บ้านญาติ/บ้านเพื่อน ของผู้ต้องสงสัย

                บ้านญาติและบ้านเพื่อนของผู้ต้องสงสัย คือ อีกสถานที่หลักที่ควรไปตรวจสอบ เนื่องจากผู้ต้องสงสัยอาจจะนำคนหายไปหลบซ่อนหรือพาไปพักแรมในสถานที่ดังกล่าว การตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวควรสอบถามจากเพื่อนบ้านในละแวกนั้นด้วยเพื่อให้ได้ข้อมูล อีกทางหนึ่ง เนื่องจากญาติและเพื่อนของผู้ต้องสงสัยอาจจะให้การที่บิดเบือนความเป็น จริงทั้งนี้การไปตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวครอบครัวคนหายควรไปพร้อมกับเจ้าหน้าที่ ตำรวจ

  • ท่ารถ / ท่าเรือ หรือสถานีขนส่งใกล้เคียง

                 ท่ารถ / ท่าเรือ และสถานีขนส่ง คือ อีกสถานที่หนึ่งซึ่งผู้ต้องสงสัยอาจจะ เคยพาคนหายไปบริเวณดังกล่าว เพื่อการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ

                การติดตามไปยังสถานที่เหล่านี้เป็นการสะกดรอยข้อมูลตามหลังคนหาย เพราะอาจจะได้รับเบาะแสจากผู้เคยพบเห็น ซึ่งการไปสอบถามข้อมูลดังกล่าว ควรทราบ ข้อมูลรูปพรรณล่าสุดของคนหายและต้องนำรูปถ่ายของคนหายติดตัวไปด้วยเสมอ

  • ร้านค้า / ร้านสะดวกซื้อบริเวณใกล้เคียงสถานที่เกิดเหตุ

                ร้านค้า หรือร้านสะดวกซื้อ คือ สถานที่ซึ่งมักจะได้เบาะแสเกี่ยวกับคนหาย และผู้ต้องสงสัยเสมอ เนื่องจากคนร้ายอาจจะเคยมาซื้อของในร้านดังกล่าวก่อนหน้านี้หรือ พาคนหายเข้ามาซื้อของในร้านซึ่งข้อมูลตรงจุดนี้จะทำให้ทราบรูปพรรณของคนร้ายใน เบื้องต้นและหากว่าคนร้ายพาคนหายเข้าไปยังร้านสะดวกซื้อซึ่งมีกล้องวงจรปิดจะทำให้ เราทราบว่าคนร้ายเป็นใครจากรูปถ่ายในกล้องวงจรปิดดังกล่าว

                ทั้งนี้การไปติดตามตรวจสอบข้อมูลจากร้านค้าที่มีกล้องวงจรปิดนั้นจะต้อง รีบดำเนินการไปสอบถามข้อมูลทันที เนื่องจากกล้องวงจรปิดของร้านสะดวกซื้อส่วนใหญ่ จะเก็บข้อมูลไว้ไม่นาน ดังนั้น ต้องรีบไปสอบถามข้อมูลดังกล่าวโดยเร็ว

  • ร้านอาหาร

                ร้านอาหาร คือ อีกสถานที่หนึ่งซึ่งผู้ต้องสงสัยอาจจะพาคนหายไปทาน อาหารก่อนเพื่อเป็นอุบายในการล่อลวงไปที่อื่นหรือไม่ก็เป็นกรณีที่คนร้ายอาจจะเคยมา ทานอาหารเพื่อดูลาดเลาก่อนการลงมือลักพาตัวคนหาย

                การสอบถามข้อมูลดังกล่าว นอกจากการนำรูปของคนหาย ไปให้คนในร้านดูแล้วควรจะสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมถึงคนแปลกหน้าที่เข้ามาทานอาหาร ในร้านซึ่งอาจจะแสดงอาการผิดปกติจนสังเกตได้เพื่อเป็นเบาะแสอีกด้านหนึ่งในการติด ตามผู้ต้องสงสัย

  • วัด

                วัด คือ อีกสถานที่หนึ่งซึ่งคนร้ายมักจะพาคนหายที่เป็นเด็กไปขอพักอาศัย นอนและเพื่อไปขออาหารรับประทาน ส่วนใหญ่คนในวัดมักไม่สงสัยพฤติกรรมดังกล่าว เนื่องจากอาจจะคิดว่า เด็กและคนร้ายเป็นคนในครอบครัวเดียวกันจึงให้สถานที่พักแรม และอาหารรับประทาน

  • ห้างสรรพสินค้า

                ห้างสรรพสินค้า คือ สถานที่หนึ่ง ซึ่งคนหายอาจจะถูกคนร้ายล่อลวงว่าจะ พาไปเที่ยวหรือซื้อของให้และเมื่อพาคนหายไปเที่ยวแล้วจึงลักพาตัวคนหายไปยังสถานที่อื่น

                การตรวจสอบข้อมูลดังกล่าว ครอบครัวอาจจะขอดูกล้องวิดีโอวงจรปิดของ ห้างในเวลาใกล้เคียงกับที่คนหายหายตัวไปเพื่อตรวจสอบข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้บางครั้ง ครอบครัวคนหายอาจจะไม่ได้รับความสะดวกจากทางห้าง วิธีการแก้ไขปัญหา คือ การให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจติดต่อประสานงานไปยังห้างโดยตรง

    4.หน่วยงานที่ครอบครัวคนหายควรประสานงานไปเพื่อขอความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน

  • สื่อวิทยุ

                 สื่อวิทยุถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งในการที่ครอบครัวคนหายสาเหตุการลัก พาตัวควรรีบประสานงานเพื่อขอความช่วยเหลือในการประชาสัมพันธ์ข้อมูลเพื่อติดตาม คนหายหรือสกัดกั้นคนร้ายเพราะสื่อวิทยุมีผู้ฟังเป็นจำนวนมากอีกทั้งกลุ่มผู้ฟังรายการยัง เป็นผู้สัญจรผ่านไปมาอยู่บนถนนจึงทำให้ข้อมูลเกี่ยวกับคนหายที่ประกาศออกไปได้เผย แพร่ประชาสัมพันธ์ไปอย่างทั่วถึง

    รายการวิทยุ โทรศัพท์สายด่วน วิทยุติดตามตัว เว็ปไซต์
    ร่วมด้วยช่วยกัน 1677 142 เรียกร่วมด้วยช่วยกัน www.rd1677.com
    จส.100 1137 142 เรียก จส.100 www.js100.com
    สวพ.91 1644 - www.trafficbkk.com

  • สื่อโทรทัศน์

                สื่อโทรศัพท์ ถือว่าเป็นสื่อมวลชนอีกช่องทางหนึ่งในการที่ครอบครัวคนหาย ควรติดต่อประสานงานในการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข้อมูลเกี่ยวกับการติดตามคนหาย เนื่องจากสื่อโทรทัศน์เป็นสื่อที่คนทางบ้านสามารถรับชมได้ทั้งภาพและเสียงอีกทั้งยังมีผู้ที่ ติดตามรับชมรายการทั่วทั้งประเทศซึ่งหากรูปภาพและเรื่องราวของคนหายได้เผยแพร่ ผ่านสื่อโทรทัศน์ย่อมเกิดผลดีในการรับแจ้งเบาะแสจากคนในสังคมที่เคยพบเห็นคนหายได้

    รายการโทรทัศน์ หมายเลขโทรศัพท์ เว็ปไซต์
    ร่วมมือร่วมใจ TITV 0-279-11388 www.itv.co.th/Help/
    เรื่องจริงผ่านจอ ช่อง 7 0-2691-7446 www.thairealtv.com
    ฝ่ายข่าวช่อง 3 0-2262-3333 www.thaitv3.com
    ฝ่ายข่าวช่อง 5 0-2270-1211 www.tv5.co.th
    ฝ่ายข่าวช่อง 7 0-22720201 www.ch7.com
    ฝ่ายข่าวช่อง 9 0-2201-6000 www.mcot.ne
    ฝ่ายข่าวช่อง 11 0-2618-2323-40 www.prd.go.th
    ฝ่ายข่าวช่อง TITV 0-2791-1000 wwww.itv.co.th

    5.หน่วยงานที่ครอบครัวคนหายควรไปติดต่อเพื่อติดตามคนหาย

  • โรงพยาบาลละแวกใกล้เคียงทุกแห่ง

                โรงพยาบาล คือสถานที่ซึ่งคนหายอาจจะได้รับการส่งตัวไปรักษาพยาบาล เนื่องจากประสบอุบัติเหตุหรือถูกคนร้ายทำร้ายหรือไม่ใช่กรณีลักพาตัวเลยตั้งแต่แรกแต่ คนหายประสบอุบัติเหตุในระหว่างช่วงเวลานั้นพอดีและไม่มีใครทราบเรื่องดังกล่าว ดังนั้น ครอบครัวคนหายประเภทลักพาตัวจึงควรเรียงลำดับรายชื่อโรงพยาบาลใกล้บ้านทั้งหมด ทั้งของรัฐและเอกชนตลอดจนโรงพยาบาลในเขตใกล้เคียงทุกแห่ง

                สอบถามหมายเลขโทรศัพท์ของโรงพยาบาลเหล่านั้นที่เลขหมาย 1113 หรือ 1133 หรือ 1188 เมื่อได้ข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์ของโรงพยาบาลต่างๆ ครบ เรียบร้อย แล้วให้ครอบครัวคนหายโทรไปสอบถามยังฝ่ายประชาสัมพันธ์ของโรงพยาบาลนั้นๆ ว่ามี บุคคลที่มีลักษณะเดียวกันกับคนหายเป็นผู้ป่วยเข้ารับการรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลนั้นๆ หรือไม่ในกรณีที่ไม่มีประวัติผู้ป่วยที่ใกล้เคียงกับคนหาย ให้ฝากลักษณะ รูปพรรณของคน หายและเบอร์โทรศัพท์ติดต่อกลับของครอบครัวคนหายไว้เผื่อว่าคนหายอาจจะถูกส่งตัว เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งนั้นในภายหลังเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลจะได้ติด ต่อกลับมายังครอบครัวได้

  • แผนกนิติเวชตามโรงพยาบาลต่างๆ

                แผนกนิติเวชตามโรงพยาบาลต่างๆ ถือว่าเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ครอบครัวคน หายควรไปตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับผู้เสียชีวิต เนื่องจากมีผู้เสียชีวิตหลายรายที่ได้รับการ นำร่างมายังแผนกนิติเวชตามโรงพยาบาลต่างๆ เนื่องจากเป็นผู้ที่ไม่มีเอกสารหรือหลักฐาน ใดแสดงตัว

                การประสานงานไปยังแผนกนิติเวชตามโรงพยาบาลต่างๆ นั้นควรให้บุคคล ในครอบครัวที่มีสภาวะจิตใจที่เข้มแข็งในการโทรไปสอบถามข้อมูล และควรเป็นบุคคลที่ สามารถบอกรูปพรรณและตำหนิของคนหายได้อย่างชัดเจน


    แผนกนิติเวชของโรงพยาบาลต่อไปนี้ที่ครอบครัวคนหายควรโทรศัพท์ไปสอบถามข้อมูล

    1. โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ โทร 0-2926-9063
    2. โรงพยาบาลรามาธิบดี โทร 0-2201-1145
    3. โรงพยาบาลตำรวจ โทร 0-2252-9006
    4. โรงพยาบาลศิริราช โทร 0-2419-7000 ต่อ 6320
    5. โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โทร 0-2252-8181-9